พ่อที่ไม่รู้จักหนังสือสักตัว (ซึ้งมาก ถ้าอ่านจบ).....

28 มกราคม 2563 15:03 น.


     ในการประชุมผู้ปกครอง คุณพ่อของเด็กคนหนึ่ง ทำงานก่อสร้างเปรอะเปื้อนโคลนและสีตามเสื้อผ้า ทำให้

กลุ่มผู้ปกครองตื่นตะลึง เป็นอีกบทความหนึ่ง ที่ให้ความรู้สึกซาบซึ้งใจ เจ็ดนาฬิกาตรง ผู้ปกครองนักเรียนทะยอยกัน

มาถึง เซ็นชื่อรายงานตัว หาที่นั่งของเด็กตนเองแล้วนั่งลง ภายในห้องประจำชั้นเรียนของเด็ก และที่นั่งของเด็กของ

ตนเอง ยามที่มาเรียนตามปกติ มองออกเลยว่า ทุกคนแต่งตัวมาอย่างพิถีพิถัน เสื้อผ้าล้วนใหม่เอี่ยม แตกต่างกันที่

บางคนสีฉูดฉาด บางคนสีเรียบง่าย มีเพียงสองรายที่แต่งโชว์อกอึ่มสะโพกใหญ่ เดินในห้องเรียนแล้วทำให้รู้สึก

ไม่เหมาะสมตอนลงชื่อรายงานตัว ผู้ปกครองบางคนมารยาทดี บางคนไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา บางคนละเอียด

รอบคอบกับสิ่งเล็กน้อยเกินไป บางคนอวดเบ่งทำตัวอย่างกับข้านี่แหละผู้ยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะมีผู้ปกครองท่านหนึ่ง

กิริยามารยาทแตกต่างจากคนอื่นๆ ทำให้ผู้ปกครองท่านอื่นมองเธอด้วยสายตาระอารังเกียจ เพราะเธอแรกเห็นคุณครู

ก็เอ่ยปากต่อว่า "คุณครู มิน่าล่ะผลการเรียนของ×××ถึงย่ำแย่นัก เป็นเพราะพวกคุณ จัดให้เขานั่งอยู่แถวหลังสุด "

พูดจบ หยิบปากกาเซ็นชื่อแล้วโยนทิ้งลงบนโต๊ะ ยืดอกแล้วเดินไปใกล้แท่นพูดที่สุด ไม่สนใจว่าจะเป็นที่นั่

งของใครก็นั่งลง รองเท้าส้นสูงสีกับพื้นปูนเสียงนั้นช่างแสบแถ้วหูนัก การกระทำเยี่ยงนี้ ผู้ปกครองท่านอื่นล้วนส่ายหัว

คุณครูใช้หางตามองเธอแล้วไม่ได้สนใจเธออีก รอต้อนรับผู้ปกครองรายอื่นที่มาเซ็นชื่อรายงานตัว

การประชุมเริ่มเจ็ดโมงครึ่ง ใกล้เวลาที่จะถึง คุณครูเงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังถี่ขึ้น อีกทั้งคอยตอบคำถามทั่วๆไปของ

ผู้ปกครองเมื่อถึงเวลาแล้ว คุณครูให้สัญญานผู้ปกครองให้อยู่ในความสงบ ประตูได้ถูถปิดลงอย่างเบาๆช้าๆ คุณครูทำการ

ทดลองเสียง กำลังอ้าปากจะพูด ประตูที่พึ่งถูถปิดลง ก็ค่อยๆเปิดออกอีกครั้ง เป็นผู้ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง แสดงตัวอยู่

หน้าประตู ทั้งตัวคลุกไปด้วยฝุ่น ใบหน้ายิ้มเจื่อนๆ ใช้สำเนียงปนด้วยกวางตุ้งพูดกับคุณครูว่า " ขออภัย "

แม้เสียงไม่ดัง แต่กลับเรียกความสนใจจากผู้ปกครองคนอื่นๆทั้งหมดล้วนหันไปมอง เห็นเขาสวมเสื้อทำงานสีน้ำเงิน

ที่สีตกจนซีดแล้ว บนเสื้อมีรอยคราบสีเป็นจ้ำๆ ส่วนกางเกงเปื้อนไปด้วยฝุ่น ข้างหนึ่งห้อยลงอีกข้างถลกขึ้น

สวมรองเท้าบูทโคลนดินติดไปทั่ว แค่เห็นก็รู้ได้ว่าพึ่งจะรีบมาจากสถานที่ก่อสร้าง

" ผู้ปกครองท่านนี้ ขอเรียนถามว่า เด็กของท่านคือ......."

" ผมเป็นพ่อของ หวังจื้อห้าว "

" อ๋อ..คุณครูแสดงความแปลกใจออกมาทางสีหน้า "

" ขอเรียนถามคุณครู ผมนั่งตรงไหน ? "

เมื่อมองไปภายในห้องเรียนซึ่งเต็มไปด้วยผู้ปกครอง ไม่สามารถหาที่นั่งของคุณพ่อหวังจื้อห้าวที่ถามหาเจอได้ทันที

ห้องเรียนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ

" ก็คือที่ว่างที่อยู่ข้างขวามือของคุณ "

พูดจบคุณครูหันกลับไปมองคุณพ่อของหวังจื้อห้าว แล้วพูดว่า

"รบกวนท่านเซ็นชื่อรายงานตัวด้วย ปากกาอยู่นี่แล้ว "

คุณพ่อของหวังจื้อห้าวถือปากกาไว้ ใบหน้าเคร่งเครียด ถือสมุดรายชื่อหมุนรอบแทบจะ 360 องศา ก็ยังไม่รู้ว่า

จะเซ็นลงตรงไหน คุณครูคิดว่าเขาหารายชื่อของหวังจื้อห้าวไม่พบ ใช้นิ้วชี้ให้ดูทันทีพร้อมพูดว่า


"คุณเซ็นชื่อช่องนี้เลย"

" คุณ...คุณครู ผม...ผมอ่านหนังสือไม่ออก "

พูดจบ พ่อของหวังจื้อห้าวก้มหัวลงต่ำมากๆ ภายในห้องเรียนเกิดเสียงหัวเราะขึ้นอีกครั้ง

" อ้อ ! ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ผมเซ็นแทนแล้วกัน เรียนเชิญคุณกลับไปนั่งที่ของหวังจื้อห้าว "

ผู้ปกครองทุกท่าน การประชุมผู้ปกครองในวันนี้ เป็นครั้งสุดท้ายของเทอมนี้ ขอบคุณผู้ปกครองทุกท่านที่ให้ความ

ร่วมมือ และสนับสนุนกิจกรรมตลอดมา วันนี้ เรื่องยาวขอพูดสั้นๆ ก็คือใคร่ขอเรียนเชิญผู้ปกครองที่มีเด็กผลการเรียนดี

ขึ้นมาบอกเล่าวิธีการและเคล็ดลับในการ อบรมสั่งสอนเด็กของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?

ห้องเรียนเกิดเสียงฮื่อฮาโกลาหล คุณครูโบกมือไปมา เพื่อให้อยู่ในความสงบ " ต่อไปนี้ ขอเรียนเชิญผู้ปกครอง ××× ขึ้น

มาบนเวที... ผู้ปกครองของ ××× พูดจบ ตามด้วยผู้ปกครองอื่นอีกสองท่าน ที่พูดถึงวิธีการและเคล็ดลับประสบการณ์

การอบรมสั่งสอนลูกหลานของตนเอง ไม่มีความแปลกใหม่ นอกจากบอกว่า ตัวเองใช้ความเข้มงวดกวดขันแบบไหน

แบบไหน ปกครองเด็กๆให้เด็กๆหมั่นทำการบ้าน ช่วยหาผู้สอนมาสอนที่บ้าน....."

ยามที่คุณครูเรียกชื่อผู้ปกครองของหวังจื้อห้าวขึ้นเวที ห้องเรียนก่อนหน้าที่มีแต่เสียงจีจีจาจา เงียบลงในทันใด

นี่เป็นเรื่องที่นอกเหนือความคาดหมายมาก เขามอมแมมปานนี้ เด็กของเขาทำไม?ถึงมีผลการเรียนที่ดีเด่นดีเลิศได้

คุณพ่อของหวังจื้อห้าว งอเอวแล้วลุกขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ด้วยความประหม่า ยามก้าวเดินออกมา เท้าไปเตะเก้าอี้

ล้มลง เกิดเสียงใสกังวาน รีบพูด "ขออภัย ขออภัยหลายครั้ง รีบยกเก้าอี้ตั้งตรง จึงเดินก้าวไปแท่นพูดอย่างช้าๆ

" เฮเฮเฮ....พ่อของหวังจื้อห้าวเริ่มด้วยเสียงแหบแห้ง สายตาไม่กล้ามองไปทางผู้ปกครองคนอื่นๆที่นั่งอยู่ด้านล่าง

" หวังจื้อห้าว เป็นเด็กนักเรียนในชั้นที่มีผลการเรียนที่ดีที่สุด ผลการเรียนวิชาคณิตศาสตร์ของเขา อยู่ที่อันดับหนึ่งมา

โดยตลอด เด็กคนนี้ขยันขันแข็งมาก ไม่เคยมาสายกับเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ยามเล่นก็เล่นอย่างสนุกสนาน

ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ มาฟังว่า ผู้ปกครองของหวังจื้อห้าว เขามีวิธีอบรมสั่งสอนเด็กของเขาอย่างไรบ้าง? "

"ประ...ประสบการณ์ผมไม่รู้จัก ผมเพียงแต่ชอบนั่งมองดูเด็กทำการบ้านทุกวันหลังเลิกงาน ไม่ว่าจะเหนื่อยเพียงใด

ผมก็จะนั่งอยู่ข้างๆเด็ก แล้วดูเขาทำการบ้าน" พ่อของจื้อห้าวหยุคชั่วครู่หันไปมองคุณครู คุณครูยิ้มตอบแสดงท่าทาง

ให้เขาพูดต่อ มีวันหนึ่ง ลูกชายถามผมว่า


" พ่อ พ่อทุกวันนั่งอยู่ข้างผม แล้วดูผมทำการบ้าน การบ้านนี้ท่านดูเข้าใจหรือไม่ ? "

ผมตอบว่า

" ผมดูไม่เข้าใจ "

ลูกชายถามอีกว่า

"พ่อ ในเมื่อพ่อดูไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่า ผมทำได้หรือไม่ได้? "

ผมตอบว่า

" หากลูกของผมทำอย่างรวดเร็ว จับปากกาขึ้นมาแล้วเขียน เขียน เขียนผมก็รู้ว่า คำถามข้อนี้ทำได้ทำ

ได้โดยง่าย หากลูกชายผม ต้องการเดินไปเปิดพัดลม จะไปดื่มน้ำ ผมก็รู้ว่า คำถามข้อนี้ทำยาก "

ห้องเรียนสงบเงียบมาก แม้หากเข็มเล่มหนึ่งตกลงพื้น คาดว่สคงจะได้ยินเสียง ผู้ปกครองห้องเรียนชั้นอื่นมีคน

ทยอยกลับบ้าน แต่ก็มีบางคนที่มายืนฟังอยู่นอกหน้าต่าง

"ผมมีอาชีพทำงานก่อสร้าง ปกติแล้วงานยุ่งมาก หากจะพูดถึงการอบรมสั่งสอนแล้วก็เพียงแค่ปกติจะ

พูดคุยกับลูกบ้าง ลูกชายทุกครั้งที่มามองดูผมหาบหิน ขุดดิน ผมก็จะพูดคุยกับลูกในเวลานั้น "

ผมถามว่า

"ลูกเอ๋ย ลูกคิดอยากเหมื่อนท่านประธานฯที่ได้ไปต่างประเทศหรือไม่? "

ลูกตอบว่า

"ผมคิด"

ผมก็จะพูดว่า

" ถ้าอย่างนั้น ต้องตั้งใจเรียนหนังสือน่ะ "

เห็นรถราที่วิ่งอยู่บนท้องถนน ที่ขับได้เร็วๆ คันยาวๆ สีดำๆเป็นเงางาม ผมก็

จะถามลูกว่า

" อยากขับรถแบบนี้หรือไม่? "

ลูกตอบว่า

" อยาก "

ผมจะพูดว่า

" ถ้าอย่างนั้นต้องตั้งใจเรียนหนังสือน่ะ "

ผมไม่เคยเรียนหนังสือไม่รู้จักหนังสือสักตัว หาเหตุผลลึกซึ้งมาอบรมสั่งสอนเด็กไม่เป็น ได้แต่อาศัยเวลายามทำงาน

เห็นอะไรก็คุยกับลูกอย่างนั้น เมื่อเห็นลูกพยักหน้าไม่หยุคผมก็จะดีใจมาก เมื่อผมดีใจก็ชอบที่จะลูบหัวของลูก

ลูกชายชอบนั่งยองๆอยู่ข้างกายผม ดูผมทำงาน บางครั้ง ยังรินน้ำให้ผม ผมน้อยครั้งที่จะให้เงินลูกใช้จ่าย แทบจะ

ไม่ให้เลย ดังนั้นแล้ว ลูกชายผมเล่นเน็ตไม่เป็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเข้าไปในเน็ต อีกทั้งไม่มั่วซั่วที่จะไปซื้อของให้กิน

เวลาโดยส่วนมากแล้วของลูกชาย ทำงานบ้าน บางครั้ง ยังช่วยผมซักเสื้อผ้า ผมเป็นคนทำงานก่อสร้าง ทั่วทิศก็

คือบ้านผม ทำงานที่ไหนบ้านก็อยู่ที่นั่น พูดถึงประสบการณ์ผมไม่มีจริงๆ ผมเพียงแค่ชอบคลุกคลีกับลูก

ชอบดูเขาทำการบ้าน ชอบที่จะลูบหัวเขา ชอบบอกเขาว่า รู้จักขอบคุณโรงเรียน ขอบคุณคุณครูที่อบรม

สั่งสอนลูกของผมได้ดีเช่นนี้ เข้าใจเรื่องราวต่างๆ คุณครู ลำบากนานมากแล้ว "

พูดจบเขาได้โค้งคำนับคุณครูหนึ่งครั้ง การโค้งคำนับของเขาครั้งนี้สะเทือนเข้าไปในหัวใจของกลุ่มผู้ปกครองที่

อยู่ในห้อง ทำให้พวกเขาคิดได้ว่า พวกเราที่เป็นผู้ปกครอง ไหนเลยจะเคยคิดโค้งคำนับให้กับคุณครู ไหนเลยจะ

เคยคิดกล่าวคำ "ขอบคุณ" แก่คุณครู ไหนเลยจะเคยคิดกล่าวคำ "ลำบาก" คุณครูมากแล้ว

ผลการเรียนของลูกไม่ดี มักโทษคุณครูอบรมสั่งสอนไม่ดี ผลการเรียนลูกดี ความดีทั้งหมดมักเข้าหาตนเอง

เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ปกครองของหวังจื้อห้าวที่มีผู้ปกครองของตนเอง มืดบอดในตัวหนังสือ พวกเราที่ได้การศึกษามาบ้าง

ช่างน่าละอายใจยิ่ง ยามที่คุณครูยังจมอยู่ในความครุ่นคิด คุณพ่อของหวังจื้อห้าวได้เดินกลับไปถึงที่นั่งของตนแล้ว

ภายในห้องเรียน เสียงปรบมือดังระทึกกึกก้อง

 

บทสรุปของบทความนี้ : นี่เป็นบทความที่ทำให้ผู้ปกครองซาบซึ้งและน่านำไปครุ่นคิด

ภายในบทความ พ่อที่ไม่รู้จักหนังสือสักตัว สภาพแวดล้อมครอบครัวก็ใช่จะดีเลิศ เหตุใดจึงสร้างคนที่มีการศึกษาดี

อุปนิสัยก็ดี พินิจพิจารณาในการอ่านบทความนี้แล้วจากผู้ปกครองของเด็กที่หมั่นสังเกตุรายละเอียดต่างๆ

"หากลูกของผมทำได้รวดเร็ว จับปากกาขึ้น เขียนเขียนเขียน ผมก็รู้ว่าคำถามนี้ทำได้ทำได้ง่าย หากลูกของ

ผมจะไปเปิดพัดลม ไปดื่มน้ำ ผมก็รู้ว่า คำถามนี้ทำยาก" เริ่มจากที่เขาเมื่อมีเวลาว่าง ก็จะพูดคุยกับเด็ก สื่อสารกับเด็ก

พวกเรา จากการที่เขาให้ความเคราพนับถือคุณครู นับถือผู้คนรอบข้าง พวกเราก็คงจะหาคำตอบได้ว่าเพราะเหตุใด อีกทั้งได้

เรียนรู้ว่า เด็กๆต้องการอะไรจากผู้ปกครอง.

 

ที่มา unigang.com

ภาพจากเน็ต