ทำไมต้องสมัครเข้าร่วมโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 ครอบครัวอบอุ่น เชิงคุณภาพ

22 กุมภาพันธ์ 2562 17:04 น.


ทำไมต้องสมัครเข้าร่วมโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 ครอบครัวอบอุ่น เชิงคุณภาพ

ในการจัดทำโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 ครอบครัวอบอุ่น เชิงคุณภาพ มีเป้าหมายให้พลเมืองในโลกอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข จากการ คิดดี  พูดดี และทำดีต่อกันเป็นปกติ ซึ่งเป็นรากฐานในการอยู่ร่วมกัน ซึ่งสอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21 โดยมี เป้าหมายของการศึกษา ที่ต้องการ 4 ข้อ คือ คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น แก้ปัญหาได้ ก็เพื่อให้ผู้เรียนสามารถสร้างปัญญาของตนเองได้ นี่แหละครับ เป็นบทสรุปว่า เรียนรู้ไปทำไม ? และ ทำไมต้องเป็นแบบ Child Centered ? ด้วย

 

ทักษะชีวิต Life Skill” เพื่อ “ชีวิต” ที่ผาสุกและปลอดภัยในโลกนี้....ตีค่าออกมาเป็นจุดมุ่งหมายทางการศึกษาเป็นสูตรว่า

“คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น และแก้ปัญหาได้ ...

Critical thinking. How to do, Learning skill, and Ability to solve problems."

ขยายความได้ ดังนี้....

ข้อ 1. “คิดเป็น”...คำว่า “คิดเป็น”

นั้น เจาะจงเอาความหมายที่เป็น “ความคิดวิเคราะห์ หรือ Critical Thinking”.และ “ความคิดสร้างสรรค์ Creative Thinking”..

ซึ่งในบทความชิ้นนี้ ขอเรียนถึงเรื่องที่มาของ “ความคิด Thinking”ว่า สิ่งแวดล้อม สอนให้คนเกิด ความรู้ Knowledge, ซึ่งพัฒนาเป็นความ “เข้าใจ หรือ Understand” และความเข้าใจนี้จะพัฒนาไปเป็น “ปัญญา หรือ Wisdom” เพื่อให้สามารถใช้ “ปัญญา”นี้ดำเนินชีวิตของตนอย่าง “อารยะชน Civilized People”...

เมื่อคนเรามีความเข้าใจ ในเรื่องนั้นๆอย่างดีที่สุดแล้ว “ความคิด”อันเป็นคุณสมบัติของความเข้าใจก็เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ..และหากเกิดความเข้าใจลึกซึ้งเท่าใด “ความคิดวิเคราะห์ และความคิดสร้างสรรค์” ก็จะแหลมคมมากขึ้นเท่านั้น..นี้เรียกว่า “ทักษะชีวิต Life Skill” หรือ “ความเป็นคน หรือ Humanity”นั่นเอง...

ดังนั้น “ผู้เรียน หรือ Learners” ต้องเรียนให้รู้ชัดว่ารู้ชัดว่า สิ่งที่ตัดสินใจทำลงไปนั้น มีประโยชน์ หรือ หรือไม่มีประโยชน์..ทำเพื่อจุดหมายใด เป็นบุญ หรือ เป็นบาป..มีสติยั้งคิดก่อนที่จะทำสิ่งใดๆลงไป

 


ข้อ 2. “เรื่อง ทำเป็น หรือ How to do..หรือ Skill”

มีความรู้ บวก ความชำนาญ คือ Knowledge + Skill”....ความรู้ Knowledge หาได้จาก การฟังคำสั่งสอนจากครูบาอาจารย์...อ่านหนังสือ..เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ และสื่อสารต่างๆ..แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ก็เป็นเพียง “ความรู้ในหัวสมองเท่านั้น”..บางคนใช้หาประโยชน์จากความรู้ที่มีอยู่นั้นไม่ได้เลย สมคำกล่าว “ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด”....

และเพื่อให้ “คน”อยู่ได้ด้วยดีในสังคม คนผู้นั้นจะต้องมี “ความชำนาญ หรือ ทักษะ หรือ Skill” จึงจะสามารถหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้...ความชำนาญ หรือ ทักษะ หรือ Skill นี้ ไม่สามารถอ่านเอาจากหนังสือ หรือฟังคำสอนใดๆจากใครได้

นอกจาก “การฝึกฝนด้วยตนเอง”เท่านั้น... ฝึกจนชำนาญ ฝึกจนเคยชินเป็นนิสัย Habit และกลายเป็น คุณสมบัติ Characteristic ของคนผู้นั้นไป จะเห็นได้ว่า ความรู้ กับ ความชำนาญนั้น แม้จะเกิดขึ้นในตัวของคนๆเดียวกัน แต่ก็ “ไม่ใช่อย่างเดียวกัน”... เพื่อให้ได้ภาพที่ชัดเจน ขอยกตัวอย่าง เปรียบเทียบว่า...”เราไม่สามารถว่ายน้ำได้เพียงแค่อ่านจากตำรา โดยไม่ยอมลงน้ำ..และฝึกๆๆๆจนเกิดความชำนาญในน้ำ”

 

ข้อ 3.เรียนรู้เป็น หรือ Learning skill

คือ รู้จักหาวิธีที่จะได้ความรู้ และความชำนาญ “เพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิกคุณค่าในการดำเนินชีวิตของตนเอง ครอบครัวสังคม และประเทศชาติของเรา”

***โลกของวันนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว “ทุกเรื่อง” เช่นเรื่องความรู้และวิทยาการต่างๆ. เศรษฐกิจ, การเมือง,การปกครอง, สังคม, การใช้ชีวิตของผู้คน และ อื่นๆ ฯลฯ...

ความเปลี่ยนแปลงนี้ กระทบกับชีวิตของทุกคนบนโลก ใครก็ตามที่ไม่ยอมปรับตัว หรือไม่สามารถปรับตัวได้ เขาย่อมถูกทิ้งไว้ข้างหลังอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้..***

>>>ดังนั้น วิธีที่จะทำให้ตนเองอยู่ในโลกปัจจุบันได้อย่างมีความสุข ก็คือ เขาต้องหาวิธีที่จะเรียนรู้ “ทักษะชีวิต Life Skill” จาก “แหล่งความรู้ต่างๆ” ทุกเรื่องที่เป็นความจำเป็นในการดำรงชีวิตของตน เขาต้องแสวงหาแหล่งความรู้ หาวิธีเรียนรู้ และเพิ่มทักษะให้กับตนเองในระดับ “หากินได้ Professional” นั่นเอง จึงจะอยู่รอด<<<

 

ข้อ 4. “ความสามารถในการแก้ปัญหา หรือ Experience หรือ Ability to solve problems”

นั้น เป็นผลมาจาก “ความรู้ในระดับความเข้าใจและความชำนาญ”...คำว่า “แก้ปัญหาได้”นั้น ย่อมหมายความว่าคนผู้นั้นมีความสามารถ หรือ Talented

ซึ่งเกิดจากการฝึกฝนมา “มากพอ” ที่จะแก้ปัญหาที่ตนประสบพบพานนั้นได้ ความยุ่งยากที่เข้ามาในชีวิตนี้ เรียกว่า “ประสบการณ์ Experience” การต่อสู้กับปัญหาของคนเราจะชนะหรือแพ้อยู่ที่คุณภาพของ “การฝึกฝน Practice” จนเกิดความชำนาญอย่างเป็นอัตโนมัติ

ในการเรียนแบบ Child Centered นั้น คุณครูสามารถ “ออกแบบการสอน และออกแบบการเรียน”ได้ทุกเนื้อหาวิชา...เพียงแต่ยึดหลักการ “เรื่อง “Begin at the End”...คือ ต้องตั้งเป้าหมายที่ต้องการไว้ก่อน..แล้วบากบั่นมุ่งไปให้ถึง”...หากเนื้อหาเรื่องใด วิชาใดยังเป็น “นามธรรม” ก็ให้แปลงเรื่องนั้นๆเป็น “รูปธรรม”ก่อน

แล้วจึงนำมาออกแบบเป็น “กิจกรรม” การเรียนการสอน

 

ดังนั้น การที่จะนำพาการศึกษาไทย ไปให้ถึง 4.0 “การจัดการบริหารสถานศึกษา” จึงต้องมีลักษณะ “โดดเด่นเห็นชัด” ดังนี้

 

1. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้อย่างแข็งขัน เพื่อให้เข้าถึงจุดนี้ได้..

>>>ครูต้องเป็นนักสร้างแรงจูงใจ

>>>ครูต้องรู้วิธีหาความรู้ก่อนแล้วจึงทำหน้าที่แนะแนวทางแก่ผู้เรียน

>>>ครูต้องรู้จักวิธีเสริมกำลังใจและใช้ประโยชน์จากสิ่งเร้าเพื่อการตอบสนอง

>>>สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่สนุกสนาน

 

2. บรรยากาศแห่งการเรียนรู้ที่เป็นประชาธิปไตย

>>>สร้างจิตสำนึกและยอมรับคุณค่าความเป็นคนในบทบาทของแต่ละคน

>>>คนทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยวิธีของตนเอง ครูจึงต้องเรียนรู้วิธีเข้าถึงผู้เรียนแต่ละคน และไม่มีสิทธิ์ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง

 

3. เป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่ “มีการโต้ตอบแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างครูกับนักเรียน” และนักเรียนเป็นศูนย์กลาง

>>>คุณครูต้อง “แม่น” ในสิ่งที่ตนสอน ทั้งความรู้ และ ทักษะ

>>>ครูฝึกทักษะชีวิต 6 อย่างก่อน คือ ทักษะชีวิต 6 อย่าง

1.วินัยในตนเอง Self-Discipline

2.ทักษะทางสังคม Social skill

3.การตัดสินใจที่ดี Healthy Decision Making

4.การควบคุมต่อแรงกระตุ้น Impulse Control

5.การควบคุมอารมณ์ Emotion Regulation

6.ความเชื่อมั่น Confidence

 

 

 

4. ครูอำนวยความสะดวกใน “กระบวนการเรียนรู้” ที่นักเรียนได้รับการสนับสนุน “ให้ต้องรับผิดชอบและเป็นอิสระ”

ซึ่งอยู่ในกระบวนการในชั่วโมงสุขจริงหนอที่ให้ครูและนักเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันละกัน เปิดอิสระทางความคิด โดยครูเป็นปัจจัยหลักในการเป็นนักสร้างแรงจูงใจ แนะแนวทางให้กับนักเรียนในชั่วโมง เป็นบทบาทหน้าที่ของครูในศตวรรษที่ 21 คือ

  1. ครูเป็นผู้อำนวยความสะดวก (facilitator)

  2. ครูเป็นผู้แนะแนวทาง (guide/coach)

  3. ครูเป็นผู้ร่วมเรียนรู้/ร่วมศึกษา (co-learner/co-investigator)

 

หนึ่งในอีกหลายข้อที่ทำไมต้องสมัครเข้าร่วมโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 ครอบครัวอบอุ่น เชิงคุณภาพ

 


 

ขอขอบคุณ

บทความ “ครูทำได้โดยไม่ต้องรอคำสั่ง” อาจารย์สุทัศน์  เอกา

บทความ: คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็นและแก้ปัญหาได้ คือเป้าหมายของการศึกษา ที่ต้องการ http://blog.eduzones.com/lovekru/181406

 

 

ไว้พบกันใหม่ใน บทความเรื่อง การเชื่อมโยงโครงการรักษาศีล 5 ครอบครัวอบอุ่นกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ในครั้งต่อไป

“เพราะนิสัยที่ดี เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสังคมที่สงบสุข”