โรงเรียนปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19

20 มิถุนายน 2563


จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 19 หรือโควิด- 19 ทำให้สถานที่ต่าง ๆ ต้องมีมาตรการป้องกัน หรือควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด โรงเรียนถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญที่จะต้องวางระบบจัดการและป้องกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด เนื่องจากเป็นแหล่งรวมตัวของคนหลากหลายกลุ่มโดยเฉพาะเด็กๆ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีภูมิต้านทานโรคไม่ดีนัก และเป็นวัยที่มีการเล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆ อาจไม่ระมัดระวังในการป้องกันตนเองเท่าที่ควร เผลอเอามือมาสัมผัสหน้าตาบ่อยๆ นอกจากนี้กิจกรรมต่างๆในโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็น การเรียน การรับประทานอาหาร ก็มักจะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกัน จึงมีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ง่าย

ด้วยเหตุนี้ทางกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) จึงมีมติให้เลื่อนการเปิดภาคเรียนที่ 1/ 2563 ออกไปเป็นวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 พร้อมทั้งจัดแนวทางการเรียนการสอนภายใต้สถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ในทุกระดับชั้นและทุกประเภทการศึกษา ทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐาน อาชีวศึกษา การศึกษาเอกชน การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย รวมทั้งการศึกษาสำหรับผู้พิการและผู้ด้อยโอกาส ซึ่งขณะนี้ได้ทำการทดลองการเรียนการสอนผ่านระบบการเรียนรู้ทางไกลและระบบออนไลน์แล้ว

พล.ต.ท.วิชิต ปักษา ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กล่าวว่า จากข้อมูลการสำรวจผลกระทบของโควิด-19 ต่อการศึกษาไทยและเสียงสะท้อนจากโรงเรียนชายขอบ โดยกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา พบว่า นักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์มีเพียง 57% ที่เข้าถึงสัญญาณอินเตอร์เน็ต จึงอาจเสียเปรียบการเข้าถึงการเรียนรู้ ขณะที่นักเรียนกลุ่มชาติพันธุ์ ผู้ปกครองไม่สามารถที่จะดูแลการเรียนของบุตรหลาน สอนการบ้าน หรือแม้แต่เรียนออนไลน์ได้ ซึ่งเด็กนักเรียนเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลในโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน  ดังนั้น การเรียนรู้ของเด็กนักเรียนกลุ่มนี้อาจหยุดชะงักลง จึงจำเป็นที่ครูตำรวจตระเวนชายแดนต้องเดินทางไปพบนักเรียนที่บ้านเพื่อสอนตัวต่อตัว

นักเรียนจะได้เรียนรู้อยู่กับบ้านด้วยสื่อการเรียนรู้ และบางโรงเรียนในพื้นที่ปลอดภัยอาจให้นักเรียนมาโรงเรียนเป็นบางวัน โดยจะต้องดำเนินการตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สพฐ.จึงได้รับมอบหมายให้จัดหาสื่อความรู้และการดูแลสุขภาพเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับเป็นคู่มือครูและให้ความรู้กับนักเรียน ผู้ปกครอง จึงเกิดความร่วมมือกับ สสส. ในการจัดทำชุดคู่มือการจัดการโรงเรียนรับมือโควิด-19 รวมถึงสื่อรณรงค์เพื่อให้ความรู้ในโรงเรียน เพื่อสนับสนุนให้กับโรงเรียนตชด. ซึ่งได้เริ่มจัดการเรียนการสอนไปแล้วเมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)  มูลนิธิสร้างเสริมวิถีบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ (มอส.) กรมอนามัย และกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข  สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ร่วมกันจัดทำ “คู่มือการจัดการโรงเรียนรับมือโควิด-19” เพื่อเป็นแนวทางการให้ความร่วมมือปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานอย่างเคร่งครัดภายโรงเรียน และช่วยให้นักเรียน ครู บุคลากรใน โรงเรียน แม่ครัว และผู้ปกครอง หยุดยั้งการแพร่กระจายของโรคโควิด-19 นี้ด้วย

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สำหรับชุดเครื่องมือการจัดการโรงเรียนรับมือโควิด-19 ได้พัฒนามาจากการสอบถามความต้องการจากครูผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่และความเป็นไปได้หากต้องนำไปปฏิบัติใช้จริง พร้อมกับรวบรวมองค์ความรู้จากหน่วยงานด้านสาธารณสุข ยูนิเซฟและองค์การ อนามัยโลก จึงพัฒนาเป็นคู่มือการจัดการโรงเรียนสำหรับผู้บริหารสถานศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา แม่ครัว ภาร โรง นักเรียน และผู้ปกครอง เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติร่วมกันในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ชุดเครื่องมือการจัดการรับมือโควิด-19 ประกอบด้วย  1.คู่มือจัดการโรงเรียน  2.สื่อรณรงค์ให้ความรู้ในโรงเรียน - โปสเตอร์รณรงค์ชีวิตวิถีใหม่ การล้างมือให้ห่างไกลโรค  3.เครื่องมือจัดสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกัน - สติกเกอร์ระยะห่างทางกายภาพ 4.สื่อการเรียนรู้ – นิทานส่งเสริมพัฒนาการเด็ก และ 5.อุปกรณ์ส่งเสริมสุขอนามัย - แอลกอฮอล์สเปรย์ 70 % และสบู่  โดยจะทำการส่งมอบชุดเครื่องมือการจัดการโรงเรียนให้กับโรงเรียนตชด.ทั้ง 220 แห่งทั่วประเทศ

ข้อควรปฏิบัติสำหรับโรงเรียนในสถานการณ์โควิด-19

คำแนะนำสำหรับผู้บริหารโรงเรียน ครู และบุคลากร  

1. สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง   

2. หากครู ผู้ดูแลนักเรียนมีอาการเจ็บป่วย เช่น มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก หรือหายใจเหนื่อยหอบให้พบแพทย์และหยุด    ปฏิบัติงานจนกว่าอาการจะหายดี หากเดินทางกลับจากพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในช่วงกักกันให้หยุดปฏิบัติงานจนกว่าอาการ    จะครบ 14 วัน กรณีมีคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคติดเชื้อโควิด-19 หรือกลับจากพื้นที่เสี่ยงและอยู่ในช่วงกักกัน ให้ปฏิบัติ ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเคร่งครัด   

3. ส่งเสริมให้นักเรียน เจ้าหน้าที่ และผู้ปฏิบัติงานทุกคนล้างมือ อย่างถูกวิธีด้วยน้ำและสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลังเล่นกับเพื่อน หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูกโดยไม่จำเป็น

4. สอนและส่งเสริมให้นักเรียนมีของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ แปรงสีฟัน อุปกรณ์รับประทานอาหาร ผ้าเช็ดหน้า เป็นต้น

5. ให้ความรู้ คำแนะนำ หรือจัดหาสื่อประชาสัมพันธ์การป้องกันและลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้แก่นักเรียน เช่น สอนวิธีการล้างมือที่ถูกต้อง การใส่หน้ากาก คำแนะนำในการปฏิบัติตัว เป็นต้น

6. ควบคุมดูแล การจัดชั้นเรียน ที่นั่งในโรงอาหาร ถ้าเป็นไปได้ให้มีระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1 เมตร หรือเหลื่อมเวลาในการพักรับประทานอาหารกลางวัน

คำแนะนำสำหรับนักเรียน

1. สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง

2. ถ้ามีไข้ ไอ จาม เป็นหวัด หายใจเหนื่อยหอบ แจ้งผู้ปกครองให้พาไปพบแพทย์และหยุดเรียนจนกว่าอาการจะหายดี

3. ไม่อยู่ใกล้ชิดผู้ที่มีอาการหวัด มีไข้ ไอ จาม มีน้ำมูก  

4. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำบ่อย ๆ ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ และหลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้า ตา ปาก จมูก  โดยไม่จำเป็น อาบน้ำทันทีหลังกลับจากโรงเรียน หลังเล่นกับเพื่อน และหลังกลับจากนอกบ้าน

5. ให้นักเรียนเลือกกินอาหารปรุงสุกใหม่ โดยใช้อุปกรณ์ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ ช้อน ส้อม

6. มีอุปกรณ์เครื่องใช้ส่วนตัวเฉพาะบุคคล เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟัน ฯลฯ

7. หลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่แออัดหรือสถานที่ที่มีการรวมกันของคนจำนวนมาก หากจำเป็นควรสวมหน้ากากอนามัย

8. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง ด้วยการกินอาหารครบ 5 หมู่ และผัก ผลไม้ 5 สี เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ออกกำลังกายอย่างน้อย  60 นาทีทุกวัน และนอนหลับให้เพียงพอ 9 - 11 ชั่วโมง/วัน

9. ให้รักษาระยะห่างในการนั่งเรียน นั่งรับประทานอาหาร เล่นกับเพื่อน อย่างน้อย 1 เมตร

สุดท้ายไม่ว่าสถานการณ์แวดล้อมจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายแค่ไหน หรือมีทิศทางอย่างไร เด็กไทยทุกคนก็มี สิทธิที่จะเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพเสมอ เพราะพวกเขาเหล่านี้เป็นกำลังสำคัญที่จะต้องเติบโตไปเป็นอนาคตของสังคมและประเทศชาติต่อไป

 

เรื่องโดย  ปัญจวรา บุญสร้างสม Team content www.thaihealth.or.th

ข้อมูลบางส่วนจาก  คู่มือจัดการโรงเรียนรับมือโควิด-19

ภาพโดย   ชยวี ลิ้มถาวรรักษ์ Team Content www.thaihealth.or.th และแฟ้มภาพ


โพสต์เมื่อ 18 มิถุนายน 2563 15:54 น.


ข่าวอื่นๆ


ดูข่าวทั้งหมด