ทำโครงการศีลธรรมอย่างไรให้เข้ากับ lifestyle วัยรุ่น

29 มกราคม 2564 20:02 น.


 

เรือจ้าง 5G

อันสืบเนื่องจากรายการ The Light Up Talk ที่ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ครูปุ้ย บุญญฤทธิ์ ญาณสาลี
โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี) นนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
ทำให้มีแรงบันดาลใจในการเขียนบทความนี้ วิเคราะห์ สรุป จับประเด็นโดย ธัญญวดี กิจเจริญ

 

 

“ฟ้าเลือกมาแล้ว”


          เมื่อฟังเรื่องราวของครูปุ้ยเกี่ยวกับเส้นทางการศึกษาที่ครูปุ้ยเลือกเอง ทำให้ย้อนนึกถึงชีวิตของตัวเองในวัยเด็ก ชีวิตที่คุณครูแนะแนว เพียงแต่แนะนำว่า อะไรคือสิ่งที่เราควรเลือกเรียน อาชีพอะไรที่ดีและมั่นคงตามค่านิยมของสังคมในสมัยของครูปุ้ยไม่น่าต่างอะไรมากกับสมัยเมื่อ 15 ปีที่แล้วที่ผู้เขียนยังศึกษาอยู่ ครูปุ้ยอยากเรียนคณะนิติศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้วยความรู้สึกว่าเป็นคณะที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัย ซึ่งลึกๆ อาจจะเป็นการเลือกตามค่านิยมของสังคม โดยที่ไม่ได้ฟังเสียงหัวใจของตัวเอง แต่ด้วยความที่ครูปุ้ยไม่ถนัดวิชาที่ต้องใช้ในการสมัครคณะที่ตัวเองเลือก ครูปุ้ยจึงล้มเลิกความตั้งใจ แต่ในความผิดหวัง ครูปุ้ยกลับได้ค้นพบวิชาที่ตัวเองชอบและถนัด... คือ วิชาภาษาไทย

          เมื่อค้นพบสิ่งที่รัก ครูปุ้ยจึงเบนเข็มมาเลือกคุรุศาสตร์ภาษาไทย โดยรั้งท้ายการเลือกไว้ด้วยคุรุศาสตร์จิตวิทยาและการแนะแนว แต่โชคไม่เข้าข้าง คณะที่รับครูปุ้ยกลับเป็นคณะสุดท้ายที่ครูปุ้ยเลือก


          ทุกความผิดหวัง หรือความสูญเสียย่อมนำมาซึ่งอีกสิ่งหนึ่งเสมอ เพียงเปิดใจ ครูปุ้ยจึงมองเห็นโอกาสในการบูรณาการพรสวรรค์ของตนเองกับเงื่อนไขที่ชีวิตหยิบยื่นให้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น


          เราสูญเสียโอกาสหนึ่งเพื่อจะได้รับอีกโอกาสหนึ่ง … Serendipity ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพียงแค่ยอมรับและเปิดใจ


* Serendipity คือ เป็นการค้นพบที่โชคดีโดยไม่ได้วางแผนไว้

 


จากคุรุศาสตร์จิตวิทยาสู่การเป็นครูแนะแนว


          ครูปุ้ยเล่าให้ฟังว่า เรียนจบมายังไม่รู้เลยว่าจะไปทำอะไร รู้แต่ว่าสิ่งที่เรารักและทำได้ดี คือ ทักษะการใช้ภาษาไทย ซึ่งรวมไปถึงการสื่อสาร ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งการอ่าน การฟัง การพูด และการเขียน

          ส่วนวิชาที่ร่ำเรียนมา จิตวิทยา คือการเรียนรู้ เพื่อทำความเข้าใจตัวเอง เมื่อเข้าใจตัวเองผ่านประสบการณ์ทั้งดีและร้าย ครูปุ้ยจึงสามารถเข้าใจนักเรียนได้ เพราะพื้นฐานความต้องการของมนุษย์ไม่ต่างกัน


          เราต่างรักสุขและเกลียดทุกข์


          เมื่อจิตวิทยา คือการเรียนรู้ตัวเอง ดังนั้นจิตวิทยาการแนะแนวจึงไม่ใช่การแนะนำ แต่เป็นการช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้และเข้าใจตัวเองจนสามารถยอมรับและเคารพตัวเองได้ รู้ว่าอะไรที่เหมาะหรือไม่เหมาะกับตนเอง และสุดท้ายสามารถเลือกที่จะดำเนินชีวิตในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ ทั้งยังมีประโยชน์ต่อคนอื่น


          เมื่อยอมรับและเปิดใจ ครูปุ้ยจึงเห็นโอกาสว่า การเป็นครูแนะแนว คือเส้นทางที่จะได้อยู่กับวิชาที่เรียน โดยไม่ต้องทิ้งวิชาที่รัก เพียงยอมรับและเปิดใจครูปุ้ยจึงเห็นโอกาสที่จะบูรณาการทักษะวิชาที่รักเข้ากับทักษะวิชาที่เรียนมา เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียน ผ่านการฟังเพื่อเข้าใจ ผ่านการถามเพื่อชวนคิด ให้เรียนรู้ตัวเองนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจ เพื่อชวนทำให้นักเรียนได้ประสบความสำเร็จ ในทางที่เลือกเอง


          เมื่อเส้นทางอาชีพไม่ทำให้เราต้องทิ้งสิ่งที่เรารัก แถมยังสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้ เท่ากับว่าเราค้นพบ IKIGAI ของตัวเอง ชีวิตที่มี IKIGAI คือชีวิตที่มีความสุข เพราะ IKIGAI คือเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่อยากทำให้เราตื่นขึ้นมาในทุกๆ วัน


          เพียงยอมรับในเงื่อนไขที่ชีวิตหยิบยื่นให้ ... คณะสุดท้ายที่เราไม่ได้เลือก และเปิดใจให้ Serendipity ทำงาน ครูปุ้ยจึงค้นพบ IKIGAI ในบริบทชีวิตของตัวเอง


          เราสัมผัสได้ถึงความสุขที่ฉายผ่านแววตาและน้ำเสียง เมื่อครูปุ้ยพูดถึงการเป็นครูแนะแนวว่า “ฟ้าเลือกมาแล้ว”


อิคิไก (IKIGAI) เป็นคำศัพท์ภาษาญี่ปุ่น ประกอบขึ้นจากคำสองคำ อิคิ (มีชีวิตอยู่) และ ไก (คุณค่าหรือความหมาย) หมายถึง ความหมายของการมีชีวิตอยู่

 

 

ศีลธรรมกับการแนะแนว


          เมื่อพูดถึงการแนะแนว เราจะนึกถึงแค่การศึกษาต่อ และการเลือกอาชีพ ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับความรู้ความสามารถ แต่การแนะแนวในความหมายของครูปุ้ย ครอบคลุมถึงเรื่องส่วนตัวและการใช้ชีวิตในสังคมด้วย ครูปุ้ยเล่าว่า “เราต้องการเด็กดีมากกว่าเด็กเก่ง” ถามว่าทำไม ...

          เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรู้ความสามารถในทางวิชาการเพียงอย่างเดียวไม่สามารถช่วยให้เด็กใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัวและสังคมได้อย่างมีความสุข ศีลธรรมจึงเข้ามามีบทบาท เพื่อเป็นคุณธรรมพื้นฐานในการดำเนินชีวิต เมื่อทุกคนดำเนินชีวิตบนพื้นฐานอันเดียวกัน เราจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข


          การปรับตัวเข้าหาธรรมย่อมง่ายกว่าการปรับตัวเข้าหากัน แนะแนวในความหมายของครูปุ้ยจึงเป็นการใช้คุณธรรมนำความรู้ ไม่ใช่ความรู้คู่คุณธรรมอย่างที่เราเคยได้ยินมาแต่ก่อน


          เมื่อนักเรียนมีพื้นฐานชีวิตดี มีจิตใจที่มั่นคง เส้นทางชีวิตที่ตัวเองต้องการจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น


          เมื่อนักเรียนเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหาธรรม เพื่อที่จะเป็นพลเมืองที่ดีของสังคม เขาจะสามารถบูรณาการเส้นทางชีวิตที่เลือกแล้วให้เกิดประโยชน์ต่อคนรอบตัว และสังคมที่เขาอาศัยอยู่


          การแนะแนวโดยใช้คุณธรรมนำความรู้ จึงสามารถช่วยให้นักเรียนชัดเจนทั้งการศึกษาต่อและการเลือกอาชีพด้วย

 

 


ศีลธรรมกับ Lifestyle ของวัยรุ่น


          ในสมัยก่อนเมื่อนึกถึงวิชาพุทธศาสนา คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าน่าเบื่อ ไม่มีแรงจูงใจ ไม่มีกิจกรรมที่น่าสนุก ซึ่งเราคิดว่าในสมัยนี้ความรู้สึกดังกล่าวก็ไม่ได้ต่างออกไป เส้นทางความดีดูยุ่งยากเต็มไปด้วยข้อห้าม ข้อบังคับที่ไม่มีวันสิ้นสุด ถ้าเรานึกถึงสมัยเราเป็นวัยรุ่น ถ้าครูบอกให้ไปทางซ้าย เราจะอยากไปทางขวา ถ้าครูบอกว่าสิ่งนี้ไม่ดี เราจะอยากลองทำ ถ้าเราเข้าใจตัวเองในวันนั้น วัยรุ่นในวันนี้ก็ยังคงมีความคิดที่ไม่ต่างจากเรา

          เมื่อความยุ่งยาก ข้อห้าม ข้อบังคับต่าง ๆ ของเส้นทางความดี ดูจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ Lifestyle ของวัยรุ่นทุกยุคทุกสมัย เราจะแก้ไขยังไงดี


          ครูปุ้ยเล่าให้ฟังว่า สมุดบันทึกความดีของโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 ทำให้เข้าใจว่าเส้นทางความดี ทั้งเรียบง่าย และไม่ซับซ้อน 7 กิจวัตรความดีช่วยให้เส้นทางความดีมีกรอบที่ชัดเจน ความยุ่งยากเลยกลายเป็นความเรียบง่าย


          ส่วนข้อห้าม ข้อบังคับที่ดูจะขัดใจวัยรุ่นล่ะ... ถ้าสังเกตดี ๆ 7 กิจวัตรความดี ไม่ใช่ข้อห้าม ไม่มีการบังคับ แต่เป็นการเชิญชวนให้ทำ แล้วครูปุ้ยใช้วิธีการอย่างไรในการโน้มน้าวให้นักเรียนอยากร่วมทำ 7 กิจวัตรความดี


          เมื่อนึกถึงการเรียนการสอนในห้องเรียน และยิ่งโดยเฉพาะวิชาศีลธรรม บรรยากาศจะชวนให้ง่วงนอน จิตใจมักลอยล่องออกไปเที่ยวนอกห้องเรียน เมื่อเข้าใจความจริงข้อนี้ครูปุ้ยจึงชวนนักเรียนไปทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์นอกห้องเรียนเสียเลย เมื่อตัวได้ไปอยู่กับใจ บวกกับความหลากหลายของกิจกรรม ความสุขในการเรียนรู้และการซึมซับความรู้สึกดี ๆ จากการบำเพ็ญประโยชน์จึงเกิดขึ้น


          ก้าวที่ยิ่งใหญ่ของความดี เริ่มจากก้าวเล็ก ๆ ก้าวแรกเสมอ 3 ทำที่ครูปุ้ยใช้เชิญชวนนักเรียนในห้องให้ออกเดินก้าวแรกบนเส้นทางความดี เรียบง่าย ไม่มีการบังคับและไม่มีคำพูด


          ตัวอย่างที่ดีมีค่ามากกว่าคำสอน... ทำให้ดู ชวนทำ และ พาทำ

 

 

“ยิงปืนนัดเดียวต้องได้นกหลายๆ ตัว”


         ความท้าทายของการอยู่บนเส้นทางความดี ไม่ใช่การชวนให้ออกเดินก้าวแรก แต่คือการสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนอยากเดินอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางนี้ต่างหาก แล้วครูปุ้ยใช้วิธีอะไรเพื่อให้เกิดความยั่งยืน

         เราต้องยอมรับว่าความยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้เมื่อสิ่งนั้นเรียบง่าย ไม่เพิ่มภาระ และก่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงต่อตัวนักเรียน ครูปุ้ยเล่าว่าสมุดบันทึกความดีช่วยได้มากในเรื่องความเรียบง่าย เพราะเป็นเช็คลิสต์ และการอธิบายสั้น ๆ ตามกรอบของ 7 กิจวัตรความดี หน้าที่ของครูปุ้ย คือใช้ทักษะที่ตัวเองรัก ในการอ่านและการเขียนเพื่อชี้ให้นักเรียนเห็นถึงประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง

อ่านสมุดบันทึกความดี เพื่อเข้าให้ถึงใจตามเงื่อนไขและบริบทชีวิตของนักเรียนแต่ละคน

เขียนตอบสมุดบันทึกความดี เพื่อชี้ให้นักเรียนได้ตระหนักถึงพัฒนาการบนเส้นทางความดีของตัวเอง โดยไม่เปรียบเทียบกับใคร

ห้องเรียนที่มีความสุข คือห้องเรียนที่ปราศจากการแข่งขัน

         ในส่วนของการไม่เพิ่มภาระให้นักเรียน ครูปุ้ยกล่าวว่า “ยิงปืนนัดเดียวต้องได้นกหลาย ๆ ตัว” ด้วยการบูรณาการการทำสมุดบันทึกความดีให้เกิดประโยชน์กับวิชาเรียนอื่น ๆ ด้วย ครูปุ้ยจึงนำเรื่องเสนอที่ประชุม เพื่อโน้มน้าวให้คุณครูและผู้อำนวยการเห็นด้วยกับแนวความคิดนี้ และสามารถนำไปใช้ได้จริง การยิงปืนนัดเดียวของครูปุ้ยได้นกมาถึง 4 ตัวนั่นคือ เมื่อนักเรียนทำสมุดบันทึกความดีหนึ่งครั้งจะสามารถได้คะแนนจากวิชาแนะแนว วิชาภาษาไทยในส่วนของการเขียนและการคัดลายมือ วิชาหน้าที่พลเมือง และที่ลืมไม่ได้ คือวิชาพุทธศาสนา ถ้าไม่ได้ฟังครูปุ้ยเล่า เราอาจจะนึกไม่ถึงว่าการทำสมุดบันทึกความดี ให้ประโยชน์กับนักเรียนได้หลายวิชาขนาดนี้

 

 

 

การปรับตัวของคุณครูสู่ยุค 5G


          ถ้าอยากเข้าใจนักเรียน วิธีการที่ได้ผลที่สุดให้เริ่มจากการใส่ใจใน “สิ่งที่นักเรียนใส่ใจ” ซึ่งเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเด็กทุกวันนี้ ให้ความสนใจสื่อในโลก Online มาก เมื่อเข้าใจ ครูปุ้ยจึงเปิดใจ และเปิดพื้นที่ในโลก Online ของตัวเอง ให้เป็นช่องทางในการสื่อสารกับนักเรียน ผ่านเพจการแนะแนว

          การใช้สื่อ Online ทำให้ครูปุ้ยสามารถเชื่อมโยงกับนักเรียนได้มากขึ้น จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ครูปุ้ยสามารถสร้างความสัมพันธ์กับนักเรียนในห้อง ความสัมพันธ์ที่ดีย่อมนำไปสู่การยอมรับและความเชื่อใจ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่การแนะแนวที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวนักเรียนเอง


          ถ้าเราอยากให้นักเรียนเปิดใจ เราต้องเปิดใจของเราก่อน

 

 

เส้นทางความดีไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

 

          ก้าวแรกไม่ยาก แต่การก้าวเดินให้ได้อย่างต่อเนื่องบนเส้นทางความดี คือความท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นคนแรกที่เริ่มทำในสิ่งที่แตกต่าง แล้วอะไร ที่ช่วยให้ครูปุ้ยสามารถก้าวเดินได้อย่างมั่นคงบนเส้นทางที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

          ครูปุ้ยมีความเชื่อว่า สังคมที่มีความสุข คือสังคมที่คุณธรรมนำความรู้ จึงมีความฝันที่อยากจะนำศีลธรรมเข้ามาบูรณาการการเรียนและการสอน โดยมีเป้าหมายที่อยากให้ทุกคนในโรงเรียนมีคุณธรรมพื้นฐานร่วมกัน เมื่อทุกคนปรับตัวเข้าหาธรรม ทั้งคุณครูและนักเรียนจะสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ทุกคนของครูปุ้ย คือ 700 คน ... Think big


          Act small ... ครูปุ้ยเล่าให้ฟังถึงเส้นทางในการนำศีลธรรมเข้ามาในโรงเรียนว่า เริ่มต้นจากตัวเองที่จะรักษาศีล 5 และทุกครั้งที่มีโอกาส ครูปุ้ยจะชวนเด็กๆ เข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ของทางโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 … จากก้าวแรก เริ่มต้นที่ตัวเอง 1 คน ขยายผลสู่นักเรียนกลุ่มเล็กที่ส่งคลิปประกวด 12 คน นักเรียนที่เข้าประกวด Smart idol 1 คน ผู้บริหารและคณะครูอีก 60 คน ในโครงการ Smart school ... ถึงตัวเลขจะยังห่างไกลจาก 700 ที่ฝันไว้ แต่ครูปุ้ยเชื่อว่า ฝันที่ยิ่งใหญ่ไม่ได้เกิดขึ้นในวันเดียว เมื่อเห็นว่าสิ่งที่เราทำสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีกับตัวเองและนักเรียน เราจะมั่นคงในเส้นทางความดีที่เราเลือก


          การนำพานักเรียนในชั้นเข้าโครงการโรงเรียนรักษาศีล 5 เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ครูปุ้ยเลือกที่จะทำ ซึ่งกิจกรรมหลัก คือการทำสมุดบันทึกความดี งานนี้เหมือนเพิ่มหน้าที่ขึ้นจากงานประจำ เพราะมันคือการอ่านและเขียน เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในสมุดบันทึกความดีของนักเรียน 265 คน เป็นระยะเวลา 12 สัปดาห์ ครูปุ้ยเล่าว่าการเปลี่ยนแปลงที่เห็นชัดเจน และเป็นรูปธรรมในตัวนักเรียนแต่ละคน โดยเฉพาะการพูดจาดี มีสัมมาคารวะ และการทะเลาะวิวาทในโรงเรียน ทำให้ครูปุ้ยไม่รู้สึกว่าหน้าที่นี้คือภาระ แต่หน้าที่นี้คือสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจและความภูมิใจให้ตัวเอง

เมื่อเราสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่น เรากลับได้รับแรงบันดาลให้ตัวเอง ... ผู้ให้ ย่อมได้รับ

หัวใจที่มั่นคงในความดี คือสิ่งเดียวที่จะทำให้เราไม่หยุดที่จะก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางที่เราเลือกแล้ว

 

 

พรหมวิหาร 4 จริยธรรมของความเป็นครู


          มนุษย์ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน ความเมตตาของครูปุ้ยจึงมีต่อนักเรียนทุกคนโดยไม่เลือกว่าจะเป็นกลุ่มเด็กดี กลุ่มเด็กเกเร หรือกลุ่มเด็กยากจน แต่นิยามความเท่าเทียมของครูปุ้ยไม่ได้หมายถึงการเมตตาต่อนักเรียนทุกคนในรูปแบบเดียวกัน เพราะนักเรียนทุกคนมีสิทธิ์ที่จะได้รับความเมตตาในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ

          เพียงแค่ยอมรับและเข้าใจในบริบทชีวิตที่แตกต่าง ความเมตตาที่เท่าเทียมกัน จะไม่กลายเป็นสิ่งที่ทำร้ายนักเรียนของเรา และช่วยส่งเสริมให้เขาได้ประสบความสำเร็จและมีความสุขในแบบที่ตัวเองเลือก

 

 

 

ความหมายที่แท้จริงของเรือจ้าง 5G 


          เรือจ้างในรูปแบบของครูปุ้ยทำหน้าที่เพียงพานักเรียนไปส่งในสถานที่ที่นักเรียนอยากไป โดยช่วยอำนวยความสะดวกให้เขาไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย

          สถานที่ที่นักเรียนอยากไป เปรียบได้กับเป้าหมายในชีวิตที่นักเรียนเลือกเอง


          การอำนวยความสะดวก เปรียบได้กับการช่วยให้นักเรียนได้เรียนรู้ และเคารพตัวเอง เพื่อเข้าใจว่าอะไรที่เหมาะกับเขา และสุดท้ายคอยให้คำปรึกษาเพื่อสนับสนุนให้นักเรียนสามารถประสบความสำเร็จในแบบที่ตัวเองต้องการ


          ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป เรือจ้างที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง อาจจะไม่สามารถนำพาลูกศิษย์ไปส่งที่จุดหมายปลายทางได้ หรือร้ายที่สุด อาจจะไม่มีลูกศิษย์อยากใช้บริการ เป็นคำตอบว่าทำไมเรือจ้างเช่นครูปุ้ย จึงต้องอัพเกรดเป็น เรือจ้าง 5G


          การอัพเกรด ไม่ใช่การทิ้งเรือลำเดิมแล้วเปลี่ยนเป็นเรือลำใหม่ แต่หมายถึงการบูรณาการส่วนที่ดีของเรือลำเดิม ซึ่งเปรียบได้กับประสบการณ์ที่หาค่าไม่ได้ของคุณครูรุ่นพี่ เข้ากับรูปแบบการเรียนการสอนที่เข้าถึงใจเด็กรุ่นใหม่ ผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับอิสระเสรี ในการเลือกใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ

ทำนองเพลงพระคุณที่สามที่คุ้นเคยลอยแว่วขึ้นมาเบาๆ พร้อมกับเนื้อร้องใหม่ในใจ ...

พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง 5G

เรื่องราวของครูปุ้ยได้เปลี่ยนนิยามเรือจ้างในความทรงจำของเราไปอย่างสิ้นเชิง

 

 

 

บทความโดย