เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องเตรียมตัวนานเท่าไร
บางเรื่องเตรียม 1 อาทิตย์ 1 เดือนอาจจะทัน แต่บางเรื่องอาจใช้เวลาเตรียมนานกว่านั้น
10 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวระยะยาวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย มีอะไรบ้าง
1.วุฒิการศึกษา หลายคณะจะมีการกำหนดวุฒิ ว่าจะต้อง ม.6 เท่านั้น หลักสูตรไทยเท่านั้น
หลักสูตรนานาชาติเท่านั้น หรือบางครั้งอาจจะมีการกำหนดว่า กศน. สมัครได้หรือไม่ได้ GED สมัครได้หรือไม่ได้
หรือแม้กระทั่งวุฒิทางสายอาชีพสมัครได้หรือไม่ได้สิ่งเหล่านี้จะต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เพราะบางเรื่องเลือกแล้ว
ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้
2.แผนการเรียน ถึงแม้ว่าแผนปัจจุบันแผนการเรียนจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายคณะหลาย
หลักสูตรที่มีการกำหนดแผนการเรียนบางคณะกำหนดเลยว่าต้องวิทย์คณิตเท่านั้น บางคณะจะกำหนดว่า
ต้องศิลป์คำนวณไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถสมัครได้ แต่บางคณะบางหลักสูตรอาจจะไม่ได่กำหนดตัวแผน
การเรียน แต่จะกำหนดจำนวนของวิชาที่ต้องเรียน ต้องได้กี่หน่วยกิตก่อนจบชั้น ม.6 อันนี้ต้องศึกษาไว้ให้ดี ๆ
เพราะว่าจะมีผลตั้งแต่ตอนที่เราเลือกแผนการเรียน ตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำคัญมาก ๆ เลย
3.ผลการเรียน นั้นก็คือเกรดเฉลี่ยสะสมทุกภาคการศึกษา GPAX แล้วก็ เกรดเฉลี่ยรายวิชา GPA
บางคนพอขึ้นม.ปลาย สนุกสนาน ลั้นลาไม่ได้ระมัดระวังเรื่องผลการเรียน กลายเป็นว่าเกรดไม่ถึง ไม่สามารถจะ
สมัครคณะหรือว่าหลักสูตรที่ต้องการได้ บางคณะจะมีกำหนดGPA หรือว่าเกรดเฉลี่ยแยก แต่ละรายวิชาด้วย
อันนี้ยิ่งสำคัญ เพราะว่าบางคน GPAX หรือว่าเกรดเฉลี่ยรวมผ่าน แต่พอไปมองแยกรายวิชาแล้วไม่ผ่าน ทำให้
หมดสิทธิ์สมัครไปอย่างน่าเสียดายข้อสำคัญที่ต้องรู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จำนวนเทอม เพราะว่าในการสอบเข้า
มหาวิทยาลัยแต่ละรอบนั้น จะกำหนดเทอมที่มาเฉลี่ยผลการเรียนไว้ไม่เท่ากัน อย่างของมหาวิทยาลัยมหิดล
รอบ 1 ใช้ 4 เทอม รอบ 2 ใช้ 5 เทอม รอบ 3 ใช้ 6 เทอม ดังนั้น บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจเรียนตอน ม.4-5 มาตั้งใจ
ตอน ม.6 เกรดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ตอนยื่นรอบแรกมันไม่ทัน ถ้าเรารู้ล่วงหน้าแบบนี้จะได้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น
4.คะแนนสอบ คะแนนสอบในที่นี้ นอกเหนือจากคะแนนการสอบที่ ทปอ. เป็นคนกำหนดแล้ว ยังรวมไปถึง
คะแนนสอบอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนภาษาจีน คะแนนภาษาญี่ปุ่น
รวมไปถึงคะแนนสอบดนตรี คะแนนสอบวัดระดับต่างๆ ซึ่งบางหลักสูตรอาจจะมีการกำหนดให้สอบเพิ่มเติม
มีทั้งแบบบังคับต้องมีไม่มีสมัครไม่ได้ และมีทั้งแบบถ้ามีจะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม
ถ้าเรารู้ล่วงหน้าเราจะได้เตรียมตัวทัน เพราะว่าคะแนนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ จะต้องมีการสมัครสอบ มีการสอบ และ
รอการประกาศผลใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ไม่สามารถเสกขึ้นมาได้ แบบปุ๊บปั๊บรับโชคแล้วส่งคะแนนได้ทันที
นอกจากวางแผนเรื่องระยะเวลาแล้ว ยังมีค่าใช้จ่าย บางทีสมัครสอบครั้งที่ 1 ยังไม่ผ่านต้องสอบครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3
ให้เวลา ให้โอกาสกับตัวเองด้วย
5.ผลงาน รางวัล สำหรับสายประกวดแข่งขัน หรือคนที่อยากจะยื่นคะแนนในรอบ Portfolio รางวัล
บางรางวัลนั้น สามารถจะไปประกวดตอน ม.5 ม.6 ก็ได้ แต่บางรางวัลต้องวางแผนตั้งแต่ต้นเลย อย่างเช่น
ใครที่อยากจะสมัครโครงการที่ต้องใช้โอลิมปิกวิชาการ อันนี้จะมาปุ๊บปั๊บ อยากเก็บตอน ม.6 ไม่ทัน ต้องวางแผน
ตั้งแต่แรก ม.ต้น ก็อาจจะต้องเริ่มกันแล้ว หรือว่าบางรางวัล อาจจะจำเป็นต้องค่อย ๆ ไต่เต้า เพราะว่ารางวัล
อาจจะเริ่มระดับโรงเรียนแล้วค่อยไปเป็นระดับเขตการศึกษาระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศแล้วค่อยเป็น
ระดับนานาชาติคนเราแข่งครั้งแรกมันจะไประดับนานาชาติเลยมันจะเทพไปหน่อยเนอะ
6.โครงงานหรืองานวิจัย ปัจจุบันนี้หลายคณะ หลายหลักสูตร มองหาคนที่มีทักษะการวิจัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้
จะต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนานอกจากนี้ บางทีวิจัยแล้วไม่พอ อาจจะต้องมีการตีพิมพ์ในวารสาร หรือว่ามีการ
ไปนำเสนอในที่ประชุมวิชาการด้วย ถ้าเป็นไปได้ นอกจากจะต้องมีแล้ว ยังต้องมีให้เกี่ยวข้องกับคณะหลักสูตร
ที่จะสมัครอีก สิ่งเหล่านี้เสกขึ้นมาชั่วข้ามคืนไม่ได้ ต้องอาศัยการเตรียมตัวในระยะยาว มีข้อหนึ่งที่ต้องขอเตือน
ไว้เลยว่า อย่าไปจ้างทำหรือพยายามทำอะไรที่เป็นการทุจริตเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นการไปลงตีพิมพ์ในวารสารที่
เขารับจ้างทั้งหลายเพราะสิ่งเหล่านี้อาจารย์เขาฝากมาบอกเลยว่าปลอม ดูออก
7.กิจกรรม หลายคณะ หลายหลักสูตรนั้น มีแต้มต่อหรือมีคะแนนบวกให้กับคนที่เคยร่วมกิจกรรมบางอย่าง เช่น
กิจกรรมที่แสดงให้เห็นว่ามีความสนใจในคณะนั้น หลักสูตรนั้น บางครั้งอาจจะเป็นค่าย บางครั้งอาจจะเป็นการ
ประกวดหรือการแข่งขัน ถ้าเรารู้ล่วงหน้า เราจะได้สามารถสมัครเข้าร่วมได้ก่อน หลายกิจกรรมรับตั้งแต่ ม.ต้น
หรือว่าบางกิจกรรมรับในช่วง ม.ปลายด้วย จะได้มีเวลาเข้าร่วมตั้งแต่ ม.4 ม.5 เพราะบางครั้งจะมาสมัครตอน ม.6
ช่วงเวลาการจัดค่ายอาจจะเกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาสมัครสอบ แล้วกลายเป็นมารู้ทีหลังเตรียมตัวไม่ทันแล้ว
8.การฝึกงานและฝึกประสบการณ์ ปัจจุบันมีหลายหลักสูตรที่ให้น้ำหนักกับการฝึกงาน
ฝึกประสบการณ์มีทั้งแบบในประเทศ และต่างประเทศ สิ่งนี้ต้องใช้เวลา เพราะบางหลักสูตรมีการกำหนดชั่วโมง
การฝึกงานด้วยว่าต้องไม่น้อยกว่า 50 ชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 120 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้ถ้ารู้
ล่วงหน้าสมัครก่อนหรือว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านี้ไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาสมัคร ก็จะได้มีหลักฐาน
และมีประสบการณ์ไปใช้ยื่นตามเกณฑ์ที่เขากำหนด
9.สุขภาพ ข้อนี้หลายคนอาจจะมองข้าม แต่บอกไว้เลยว่าหลายคณะ หลักสูตรนั้นมีการกำหนดเงื่อนไขสุขภาพ
เช่น อาจจะเป็นเรื่องของ BMI (Body mass index ดัชนีมวลกาย) หรือว่าสัดส่วนระหว่างน้ำหนักกับส่วนสูง
เพราะว่าถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ตรงนี้เวลาเข้าไปเรียนหรือไปปฎิบัติงาน อาจจะมีผลต่อประสิทธิภาพของการทำงานก็ได้
ทีนี้ ถ้าเรารู้ล่วงหน้าเราจะได้ดูแลสุขภาพของตัวเอง อาจจะต้องจัดการเรื่องของน้ำหนักของเราให้พร้อม
ไม่อย่างนั้น ถึงเวลาที่จะสมัครถึงเวลาที่จะยื่นใบรับรองแพทย์อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคในการการสอบ
อุตส่าห์สอบได้แล้ว แต่ไม่ผ่านเพราะว่า BMI เกิน อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนมักจะมารู้ทีหลัง นั่นก็คือ ข้อกำหนด
เรื่องตาบอดสี สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการปฏิบัติงานในหลายสาขาอาชีพ แน่นอนว่าถ้าใครมีภาวะตาบอดสี อาจจะ
แก้ไขหรือว่าเตรียมตัวไม่ได้ แต่มันช่วยให้เราเตรียมใจได้ เพราะว่าถ้าเรารู้ว่าหลักสูตรที่จะสมัครมีเงื่อนไขนี้
เราจะได้เปลี่ยนไปมองตัวเลือกอื่น ๆ ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ว่าเตรียมตัวมาเต็มที่เลยแต่แล้วมาตกเพราะเรื่องแบบนี้
บางทีมันเสียใจเนอะ
10.การเรียนล่วงหน้า ปัจจุบันหลายมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
สามารถที่จะลงทะเบียนเรียนรายวิชาของมหาวิทยาลัยล่วงหน้าก็ได้ ข้อดีของการเรียนล่วงหน้าเหล่านี้ ก็คือ
สามารถที่จะเอาไปยื่นในรอบ Portfolio ของหลายคณะได้ นอกจากจะยื่นได้แล้ว เมื่อเข้าไปในมหาวิทยาลัยหลาย
มหาวิทยาลัยอนุญาตให้เทียบโอนเป็นหน่วยกิตทำให้เราใช้ระยะเวลาในการเรียนสั้นลง
สิ่งเหล่านี้ถ้าเรารู้ล่วงหน้า เรียนล่วงหน้า ก็ช่วยให้เรามีโอกาสมากขึ้น ทั้งในการยื่นสอบ และในการเข้าไป
เรียนในมหาวิทยาลัยและนี้คือ 10 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวระยะยาวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย
การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นเรื่องสำคัญ ต้องใช้เวลา ความพยายาม อดทน
**หากเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ วางแผน ลงมือทำ มีวินัย ตั้งใจ มุ่งมั่น สู้ๆ
รับรองว่า คุณจะประสบความสำเร็จ สอบติดคณะ สาขาที่ใฝ่ฝัน แน่นอน
ที่มา YT: We Mehidol
#โรงเรียนรักษาศีล5 #โครงการพัฒนาเยาวชน #พัฒนา #ศีลธรรม #โรงเรียน #นวัตกรรมใหม่