ถ้าเรารู้ล่วงหน้า ! 10 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยฯ

13 มีนาคม 2567
  •    265

เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ต้องเตรียมตัวนานเท่าไร

บางเรื่องเตรียม 1 อาทิตย์ 1 เดือนอาจจะทัน  แต่บางเรื่องอาจใช้เวลาเตรียมนานกว่านั้น

10 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวระยะยาวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย มีอะไรบ้าง 

1.วุฒิการศึกษา หลายคณะจะมีการกำหนดวุฒิ ว่าจะต้อง ม.6 เท่านั้น หลักสูตรไทยเท่านั้น

หลักสูตรนานาชาติเท่านั้น หรือบางครั้งอาจจะมีการกำหนดว่า กศน. สมัครได้หรือไม่ได้  GED สมัครได้หรือไม่ได้

หรือแม้กระทั่งวุฒิทางสายอาชีพสมัครได้หรือไม่ได้สิ่งเหล่านี้จะต้องเตรียมตัวล่วงหน้า เพราะบางเรื่องเลือกแล้ว

ไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้

2.แผนการเรียน ถึงแม้ว่าแผนปัจจุบันแผนการเรียนจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ก็ยังมีหลายคณะหลาย

หลักสูตรที่มีการกำหนดแผนการเรียนบางคณะกำหนดเลยว่าต้องวิทย์คณิตเท่านั้น บางคณะจะกำหนดว่า

ต้องศิลป์คำนวณไม่อย่างนั้นจะไม่สามารถสมัครได้ แต่บางคณะบางหลักสูตรอาจจะไม่ได่กำหนดตัวแผน

การเรียน แต่จะกำหนดจำนวนของวิชาที่ต้องเรียน ต้องได้กี่หน่วยกิตก่อนจบชั้น ม.6 อันนี้ต้องศึกษาไว้ให้ดี ๆ

เพราะว่าจะมีผลตั้งแต่ตอนที่เราเลือกแผนการเรียน ตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย สำคัญมาก ๆ เลย

3.ผลการเรียน  นั้นก็คือเกรดเฉลี่ยสะสมทุกภาคการศึกษา GPAX แล้วก็ เกรดเฉลี่ยรายวิชา GPA 

บางคนพอขึ้นม.ปลาย สนุกสนาน ลั้นลาไม่ได้ระมัดระวังเรื่องผลการเรียน กลายเป็นว่าเกรดไม่ถึง ไม่สามารถจะ

สมัครคณะหรือว่าหลักสูตรที่ต้องการได้  บางคณะจะมีกำหนดGPA  หรือว่าเกรดเฉลี่ยแยก แต่ละรายวิชาด้วย

อันนี้ยิ่งสำคัญ เพราะว่าบางคน GPAX หรือว่าเกรดเฉลี่ยรวมผ่าน แต่พอไปมองแยกรายวิชาแล้วไม่ผ่าน ทำให้

หมดสิทธิ์สมัครไปอย่างน่าเสียดายข้อสำคัญที่ต้องรู้อีกอย่างหนึ่งก็คือ จำนวนเทอม เพราะว่าในการสอบเข้า

มหาวิทยาลัยแต่ละรอบนั้น จะกำหนดเทอมที่มาเฉลี่ยผลการเรียนไว้ไม่เท่ากัน อย่างของมหาวิทยาลัยมหิดล

รอบ 1 ใช้ 4 เทอม รอบ 2 ใช้ 5 เทอม รอบ 3 ใช้ 6 เทอม ดังนั้น บางคนอาจจะไม่ได้ตั้งใจเรียนตอน ม.4-5  มาตั้งใจ

ตอน ม.6 เกรดเฉลี่ยเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ตอนยื่นรอบแรกมันไม่ทัน ถ้าเรารู้ล่วงหน้าแบบนี้จะได้ตั้งใจเรียนตั้งแต่ต้น

4.คะแนนสอบ คะแนนสอบในที่นี้ นอกเหนือจากคะแนนการสอบที่ ทปอ. เป็นคนกำหนดแล้ว ยังรวมไปถึง

คะแนนสอบอื่น ๆ ที่ต้องเตรียมล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นคะแนนภาษาอังกฤษ คะแนนภาษาจีน คะแนนภาษาญี่ปุ่น

รวมไปถึงคะแนนสอบดนตรี คะแนนสอบวัดระดับต่างๆ ซึ่งบางหลักสูตรอาจจะมีการกำหนดให้สอบเพิ่มเติม

มีทั้งแบบบังคับต้องมีไม่มีสมัครไม่ได้ และมีทั้งแบบถ้ามีจะได้รับพิจารณาเป็นพิเศษ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตาม

ถ้าเรารู้ล่วงหน้าเราจะได้เตรียมตัวทัน เพราะว่าคะแนนเหล่านี้ ส่วนใหญ่ จะต้องมีการสมัครสอบ มีการสอบ และ

รอการประกาศผลใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน ไม่สามารถเสกขึ้นมาได้ แบบปุ๊บปั๊บรับโชคแล้วส่งคะแนนได้ทันที 

นอกจากวางแผนเรื่องระยะเวลาแล้ว ยังมีค่าใช้จ่าย บางทีสมัครสอบครั้งที่ 1 ยังไม่ผ่านต้องสอบครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3

ให้เวลา ให้โอกาสกับตัวเองด้วย

5.ผลงาน รางวัล สำหรับสายประกวดแข่งขัน หรือคนที่อยากจะยื่นคะแนนในรอบ Portfolio รางวัล

บางรางวัลนั้น สามารถจะไปประกวดตอน ม.5  ม.6  ก็ได้ แต่บางรางวัลต้องวางแผนตั้งแต่ต้นเลย อย่างเช่น

ใครที่อยากจะสมัครโครงการที่ต้องใช้โอลิมปิกวิชาการ อันนี้จะมาปุ๊บปั๊บ อยากเก็บตอน ม.6 ไม่ทัน ต้องวางแผน

ตั้งแต่แรก ม.ต้น ก็อาจจะต้องเริ่มกันแล้ว หรือว่าบางรางวัล อาจจะจำเป็นต้องค่อย ๆ ไต่เต้า เพราะว่ารางวัล

อาจจะเริ่มระดับโรงเรียนแล้วค่อยไปเป็นระดับเขตการศึกษาระดับจังหวัด ระดับภาค ระดับประเทศแล้วค่อยเป็น

ระดับนานาชาติคนเราแข่งครั้งแรกมันจะไประดับนานาชาติเลยมันจะเทพไปหน่อยเนอะ

6.โครงงานหรืองานวิจัย ปัจจุบันนี้หลายคณะ หลายหลักสูตร มองหาคนที่มีทักษะการวิจัย ซึ่งสิ่งเหล่านี้

จะต้องใช้ระยะเวลาในการพัฒนานอกจากนี้ บางทีวิจัยแล้วไม่พอ อาจจะต้องมีการตีพิมพ์ในวารสาร หรือว่ามีการ

ไปนำเสนอในที่ประชุมวิชาการด้วย ถ้าเป็นไปได้ นอกจากจะต้องมีแล้ว ยังต้องมีให้เกี่ยวข้องกับคณะหลักสูตร

ที่จะสมัครอีก สิ่งเหล่านี้เสกขึ้นมาชั่วข้ามคืนไม่ได้ ต้องอาศัยการเตรียมตัวในระยะยาว มีข้อหนึ่งที่ต้องขอเตือน

ไว้เลยว่า อย่าไปจ้างทำหรือพยายามทำอะไรที่เป็นการทุจริตเป็นอันขาด ไม่ว่าจะเป็นการไปลงตีพิมพ์ในวารสารที่

เขารับจ้างทั้งหลายเพราะสิ่งเหล่านี้อาจารย์เขาฝากมาบอกเลยว่าปลอม ดูออก

7.กิจกรรม หลายคณะ หลายหลักสูตรนั้น มีแต้มต่อหรือมีคะแนนบวกให้กับคนที่เคยร่วมกิจกรรมบางอย่าง เช่น

กิจกรรมที่แสดงให้เห็นว่ามีความสนใจในคณะนั้น หลักสูตรนั้น บางครั้งอาจจะเป็นค่าย บางครั้งอาจจะเป็นการ

ประกวดหรือการแข่งขัน ถ้าเรารู้ล่วงหน้า เราจะได้สามารถสมัครเข้าร่วมได้ก่อน หลายกิจกรรมรับตั้งแต่ ม.ต้น

หรือว่าบางกิจกรรมรับในช่วง ม.ปลายด้วย จะได้มีเวลาเข้าร่วมตั้งแต่ ม.4 ม.5 เพราะบางครั้งจะมาสมัครตอน ม.6

ช่วงเวลาการจัดค่ายอาจจะเกิดขึ้นก่อนช่วงเวลาสมัครสอบ แล้วกลายเป็นมารู้ทีหลังเตรียมตัวไม่ทันแล้ว

8.การฝึกงานและฝึกประสบการณ์  ปัจจุบันมีหลายหลักสูตรที่ให้น้ำหนักกับการฝึกงาน

ฝึกประสบการณ์มีทั้งแบบในประเทศ และต่างประเทศ สิ่งนี้ต้องใช้เวลา เพราะบางหลักสูตรมีการกำหนดชั่วโมง

การฝึกงานด้วยว่าต้องไม่น้อยกว่า 50 ชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 60 ชั่วโมง ไม่น้อยกว่า 120 ชั่วโมง สิ่งเหล่านี้ถ้ารู้

ล่วงหน้าสมัครก่อนหรือว่าเก็บเกี่ยวประสบการณ์เหล่านี้ไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาสมัคร ก็จะได้มีหลักฐาน

และมีประสบการณ์ไปใช้ยื่นตามเกณฑ์ที่เขากำหนด

9.สุขภาพ ข้อนี้หลายคนอาจจะมองข้าม แต่บอกไว้เลยว่าหลายคณะ หลักสูตรนั้นมีการกำหนดเงื่อนไขสุขภาพ

เช่น อาจจะเป็นเรื่องของ BMI (Body mass index ดัชนีมวลกาย) หรือว่าสัดส่วนระหว่างน้ำหนักกับส่วนสูง

เพราะว่าถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ตรงนี้เวลาเข้าไปเรียนหรือไปปฎิบัติงาน อาจจะมีผลต่อประสิทธิภาพของการทำงานก็ได้

ทีนี้ ถ้าเรารู้ล่วงหน้าเราจะได้ดูแลสุขภาพของตัวเอง อาจจะต้องจัดการเรื่องของน้ำหนักของเราให้พร้อม

ไม่อย่างนั้น ถึงเวลาที่จะสมัครถึงเวลาที่จะยื่นใบรับรองแพทย์อาจจะทำให้เป็นอุปสรรคในการการสอบ

อุตส่าห์สอบได้แล้ว แต่ไม่ผ่านเพราะว่า BMI เกิน อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนมักจะมารู้ทีหลัง นั่นก็คือ ข้อกำหนด

เรื่องตาบอดสี สิ่งเหล่านี้มีผลต่อการปฏิบัติงานในหลายสาขาอาชีพ แน่นอนว่าถ้าใครมีภาวะตาบอดสี อาจจะ

แก้ไขหรือว่าเตรียมตัวไม่ได้ แต่มันช่วยให้เราเตรียมใจได้ เพราะว่าถ้าเรารู้ว่าหลักสูตรที่จะสมัครมีเงื่อนไขนี้

เราจะได้เปลี่ยนไปมองตัวเลือกอื่น ๆ ตั้งแต่ต้น ไม่ใช่ว่าเตรียมตัวมาเต็มที่เลยแต่แล้วมาตกเพราะเรื่องแบบนี้

บางทีมันเสียใจเนอะ

10.การเรียนล่วงหน้า  ปัจจุบันหลายมหาวิทยาลัยเปิดโอกาสให้นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย

สามารถที่จะลงทะเบียนเรียนรายวิชาของมหาวิทยาลัยล่วงหน้าก็ได้ ข้อดีของการเรียนล่วงหน้าเหล่านี้ ก็คือ

สามารถที่จะเอาไปยื่นในรอบ Portfolio ของหลายคณะได้ นอกจากจะยื่นได้แล้ว เมื่อเข้าไปในมหาวิทยาลัยหลาย

มหาวิทยาลัยอนุญาตให้เทียบโอนเป็นหน่วยกิตทำให้เราใช้ระยะเวลาในการเรียนสั้นลง

 

สิ่งเหล่านี้ถ้าเรารู้ล่วงหน้า เรียนล่วงหน้า ก็ช่วยให้เรามีโอกาสมากขึ้น ทั้งในการยื่นสอบ และในการเข้าไป

เรียนในมหาวิทยาลัยและนี้คือ 10 เรื่องต้องรู้ เตรียมตัวระยะยาวก่อนเข้ามหาวิทยาลัย 

การเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย เป็นเรื่องสำคัญ ต้องใช้เวลา ความพยายาม อดทน

**หากเริ่มเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆ วางแผน ลงมือทำ มีวินัย ตั้งใจ มุ่งมั่น สู้ๆ

รับรองว่า คุณจะประสบความสำเร็จ สอบติดคณะ สาขาที่ใฝ่ฝัน แน่นอน

 

ที่มา YT: We Mehidol

 

 #โรงเรียนรักษาศีล5 #โครงการพัฒนาเยาวชน #พัฒนา #ศีลธรรม #โรงเรียน #นวัตกรรมใหม่ 


  •    265