เมื่อลูกเริ่มพูดเก่งสามารถเล่าเรื่องราวต่างๆได้มากขึ้นบางทีก็จะคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้จนบางครั้ง
คุณพ่อคุณแม่อาจกำลังฟังเรื่องที่ลูกแต่งขึ้นมา
เมื่อคุณพ่อคุณแม่ทราบว่าสิ่งที่ลูกพูดอยู่นั้นไม่เป็นความจริง หรือเป็นเรื่องโกหก บางครั้งไม่ได้ใส่ใจ
กับคำพูดเหล่านั้น หรืออาจลงโทษว่ากล่าว จนทำให้เด็กรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า
ได้ทำไมลูกถึงชอบโกหก?
อายุก่อน 6 ปีเป็นช่วงเวลาที่ลูกช่างพูดช่างคุยช่างเจรจา และมีความคิดสร้างสรรค์ แต่ในเด็กวัยนี้
ยังไม่สามารถแยกแยกแยะเรื่องราวที่จินตนาการกับเรื่องราวที่เป็นความจริงออกจากกันได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นบ่อยครั้งเด็กจึงจะเล่าหรือพูดเรื่องราวต่าง ๆ เหมือนกับการสร้างเรื่องขึ้นมา จนทำให้คุณพ่อคุณแม่
อาจคิดว่าลูกกำลังโกหกตนอยู่
อย่างไรก็ตามเมื่อลูกโตขึ้นก็มักจะแยกแยะเรื่องราวต่าง ๆ ว่าสิ่งไหนเป็นเรื่องจริงสิ่งไหนเป็นเรื่องสมมุติ
หากลูกแต่งเรื่องพูดหรือโกหกอยู่ตลอดเวลา สุดท้ายอาจนำมาซึ่งนิสัยชอบโกหกหลอกลวงได้
นอกจากนี้ในวัยเด็กเล็ก ความสามารถในการแยกแยะระหว่างการรับรู้ของตน และการรับรู้ของผู้อื่นรู้มี
Theory of Mind นั้นยังพัฒนาไม่เต็มที่ สิ่งนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเข้าอกเข้าใจ รับรู้ความรู้สึก
และความคิดของผู้อื่นอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้เด็กมีโอกาสที่จะโกหกได้มากขึ้น
ลูกโกหกนั้นเป็นเพราะอะไร?
บางครั้งที่เด็กๆพูดไม่จริง จนพ่อแม่รู้สึกว่าลูกชอบโกหก อาจเป็นเพราะสาเหตุเหล่านี้
1. ลูกโกหกเพราะรู้สึกผิด มีหลายเหตุการณ์หรือร้ายปัจจัยที่สามารถทำให้เด็กโกหกได้
บ่อยครั้งโดยเฉพาะเด็กที่ถูกเลี้ยงแบบตามใจและได้รับการดูแลมาก จะเลือกใช้การโกหก
เพื่อไม่ทำให้คนที่ตนเองรักหรือคาดหวังกับตนเองเสียใจ
หากเด็กถูกเลี้ยงแบบควบคุมใช้อำนาจ คุณพ่อคุณแม่มักจะลงโทษดุ่ด่าบ่อยครั้ง เด็กก็จะใช้
การโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษ
นอกจากนี้เด็กอาจจะใช้การโกหกเพื่อเป็นเกราะกำบังให้พ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดูยังคงเลี้ยงดูแบบตามใจ
และใส่ใจตนแบบเดิม
หลายๆครั้งพ่อแม่ของลูกที่โกหกก็มักจะมีความหวังว่าลูกจะพูดแต่ความจริง ดังนั้นลูกก็จะใช้การโกหก
เพื่อรักษาภาพพจน์ของตนเอง
2. ลูกโกหกเพื่อหลบหนีความผิดพลาด คุณพ่อคุณแม่ควรนึกไว้เสมอว่า ภายใต้การโกหกของลูกนั้น
มีบางสิ่งซ่อนอยู่ การหลบหนีจากความผิดพลาด และการทำให้พ่อแม่รู้สึกผิดหวังในตนเองเป็นอีกสาเหตุ
หนึ่งที่ทำให้เด็กโกหกได้
มีการศึกษาว่าคุณพ่อคุณแม่ที่แสดงความโกรธต่อหน้าลูกอย่างรุนแรง ลงโทษ ดุด่าหรือตี เมื่อลูกโกหก
จะยิ่งส่งผลให้ลูกโกหกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
3. ลูกโกหกเพราะถูกสอนให้โกหก บางครั้งคุณพ่อคุณแม่หรือผู้เลี้ยงดูก็เป็นคนทำให้เด็กเกิดความสับสน
ว่าเมื่อใดควรพูดความจริง เมื่อใดควรโกหก
หรือบางครั้งก็สอนและเป็นตัวอย่างในการโกหกเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกดี ไม่รู้สึกเจ็บปวดเสียใจ หรือโกหกเรื่องเล็ก ๆ
น้อย ๆ เพื่อบอกปฏิเสธสถานการณ์ต่าง ๆ ที่รู้สึกว่ายาก ไม่อยากทำ ด้วยการกระทำดังกล่าวเรียกว่าเป็นการ
โกหกโดยมีเจตนาดี (White lie)
สิ่งเหล่านี้อาจทำให้เด็กเรียนรู้ว่าการโกหกเป็นสิ่งดีได้ เช่น ลูกมีงานกีฬาสีที่โรงเรียน แต่วันนั้นแดดร้อนจัด
คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงกลัวลูกไม่สบาย จึงโกหกบอกคุณครูว่าลูกปวดท้อง จึงไม่ได้ไปร่วมงาน
อะไรที่ส่งเสริมให้ลูกชอบโกหก?
นอกจากสาเหตุที่กล่าวไปแล้วสิ่งต่อไปนี้อาจส่งเสริมให้ลูกชอบโกหกมากขึ้น
*ลักษณะการเลี้ยงดูแบบใช้ควบคุมใช้อำนาจ เข้มงวด วางกฎเกณฑ์ให้ลูกอย่างเคร่งครัด
*ความสามารถทางภาษาที่ดีในการเล่าเรื่องราว
*ความต้องการที่จะเรียกร้องความสนใจจากผู้ใหญ่
พ่อแม่ควรรับมือกับปัญหารูปภาพโกหกอย่างไร?
เมื่อทราบว่าลูกโกหก สิ่งแรกที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำคือ บอกให้ลูกทราบว่าเรารู้ว่าลูกกำลัง
โกหกอยู่หลีกเลี่ยงการลงโทษโดยใช้ความรุนแรง พูดคุยกับลูกโดยแสดงท่าทีอ่อนโยน เข้าใจ
และมีความจริงใจต่อกัน เช่น
"แม่ต้องการให้หนูพูดความจริง และแม่จะพูดความจริงกับหนูเช่นกัน เพราะเชื่อใจกันและกันนะจ๊ะ"
"หนูจะรู้สึกดีขึ้นถ้าหนูบอกความจริงกับพ่อกับแม่แทนการโกหก"
ที่สำคัญคุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักเสมอว่าท่าทีที่แสดงออกมาและคำพูดของตนในการพูดเรื่องจริง
จะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดสู่ลูกให้เรียนรู้เรื่องของความเป็นจริง และความผิดชอบชั่วดี
ดังนั้นหน้าที่ของคุณพ่อคุณแม่ที่จะรับมือกับลูกชอบโกหกจึง ได้แก่
*เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกเรื่องความซื่อสัตย์
*สร้างความไว้ใจสร้างความไว้วางใจแก่กัน
*สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกฝึกให้ลูกมีความรับผิดชอบ
*ชมเชยเมื่อลูกทำดีและมีความซื่อสัตย์
*สอนลูกเรื่องคุณธรรมและจริยธรรมที่ดีของคนในสังคม
หากลูกโกหกแล้วปล่อยไว้ จะส่งผลเสียต่อตัวลูกเองอย่างไร?
มีการศึกษาในต่างประเทศเกี่ยวกับพฤติกรรมการโกหกของเด็กตั้งแต่อายุ 1-3 ปีขึ้นไป พบว่า
สัมพันธ์กับพัฒนาการทางด้านสติปัญญาและสังคมของเด็ก
พฤติกรรมนี้จะค่อย ๆ ถูกพัฒนาและปรับเปลี่ยนจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของคุณธรรมจริยธรรมประจำตัว
และยังพบว่าเด็กที่มีพฤติกรรมโกหกซ้ำ ๆ จะมีความเสี่ยงต่อปัญหาอื่น ๆ เมื่อโตขึ้น เช่น ขาดความ
น่าเชื่อถือจากบุคคลรอบข้าง ไม่มีเพื่อน มีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับบุคคลอื่น
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาพบว่า หากได้โกหกซ้ำ ๆ จะมีพัฒนาการที่ไม่ดีในด้านความรู้สึกผิดชอบชั่วดี
ขาดการควบคุมตนเอง และพฤติกรรมต่อต้านสังคม
เมื่อไหร่ควรพาไปพบแพทย์เพื่อให้การช่วยเหลือ?
เมื่อพ่อแม่สังเกตเห็นว่าลูกชอบโกหก และได้ทำความเข้าใจรวมถึงให้ความช่วยเหลือดังคำแนะนำ
ข้างต้นแล้วยังไม่ได้ผล คุณแม่คุณพ่ออาจจะพาลูกไปพบแพทย์เพื่อรับคำปรึกษา โดยเฉพาะหาก
ลูกมีพฤติกรรม ดังต่อไปนี้
*ลูกโกหกซ้ำ ๆ
*ลูกขโมยของหนีโรงเรียน
*ลูกทำร้ายข้าวของทำร้ายผู้อื่น
หรือจากคุณพ่อคุณแม่หรือผู้เลี้ยงดูกังวลไม่สามารถจัดการกับพฤติกรรมโกหกของลูกได้ก็สามารถ
ปรึกษาแพทย์ได้เช่นกัน
ที่มา https://today.line.me/
10 พฤษภาคม 2568
20 เมษายน 2568
10 เมษายน 2568
30 มีนาคม 2568