5 แนวทาง CSR ที่บริษัทต่างๆ จะทำในปี 2020

5 กุมภาพันธ์ 2563
  •    1,263

เปิด 5 แนวทางด้าน CSR ที่เหล่าธุรกิจหรือองค์กรต้องรู้ ไม่เพียงเพื่อพนักงานในองค์กรเท่านั้น แต่เพื่อการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต

สวัสดีค่ะ คุณผู้อ่านทุกท่าน เราเข้าสู่ปีใหม่ ทศวรรษใหม่ในปี 2020 กันแล้วนะคะ ฉบับนี้ ดิฉันมีแนวโน้ม

การทำ CSR หรือโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กรต่างๆ ในปี 2020 มาฝากกันค่ะ

     Sachs Media Group พีอาร์เอเจนซี่ชั้นนำสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ในปี 2020 ผู้บริโภคยังคงให้ความสำคัญกับ

เป้าหมายส่วนตัว อาทิ เป้าหมายด้านสุขภาพหรือหน้าที่การงาน แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มให้ความสำคัญกับ

บริษัทหรือแบรนด์ที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) มากขึ้น โดยจากสถิติของคนอเมริกันพบว่า กว่า 90%

ของชาวอเมริกันจะซื้อสินค้าหรือบริการจากบริษัทที่ตอบสนองต่อประเด็นปัญหาที่พวกเขากังวล

นอกจากนั้น กว่า 76% จะปฏิเสธการซื้อสินค้าและบริการ หากพบว่าบริษัทหรือองค์กรนั้นๆ สนับสนุนสิ่งที่

ตรงข้ามกับความเชื่อของพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆ ควรมุ่งไปยังประเด็น

สำคัญต่อทั้งองค์กรและกลุ่มเป้าหมาย โดยเป้าหมายของธุรกิจนั้น ไม่ได้วัดเพียงแค่ด้านผลกำไรหรือตัวเลข

แต่ต้องเป็นการสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสาธารณชนด้วยเช่นกัน

 

  • และนี่คือ 5 เทรนด์ของการทำ CSR ที่เราจะพบได้ในปี 2020 ค่ะ

การส่งเสริมให้พนักงานเป็นอาสาสมัคร บริษัทต่างๆ เริ่มมองเห็นประโยชน์จากการให้พนักงานทำงานจิตอาสา

ซึ่งนี่ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมงานเท่านั้น แต่ยังทำให้คนนอกองค์กรมอง

เห็น โดยเฉพาะกลุ่มคนที่สนับสนุนการแก้ปัญหาหรือกำลังรณรงค์ในเรื่องนั้นๆ เช่น บางบริษัทอาจมีข้อเสนอ

ให้พนักงานไปทำงานจิตอาสาได้ โดยไม่ถือเป็นวันลา หรือระดมเงินบริจาคมาช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ที่อาจมี

ความเกี่ยวข้องหรือเชื่อมโยงกับองค์กรในทางใดทางหนึ่ง

 

     การลงทุนริเริ่มในสิ่งใหม่ๆ ด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม บริษัทต่างๆ อาจสนับสนุนองค์กรระดับท้องถิ่นหรือ

ระดับประเทศ ผ่านการบริจาค หรือแม้แต่อาจจัดงานรณรงค์ เพื่อแก้ปัญหาใดๆ และอาจใช้ความเชี่ยวชาญ

ขององค์กรในการเป็นกระบอกเสียงเพื่อ ให้คนหันมาเห็นความสำคัญของปัญหา หรือเข้ามาช่วยเหลือ

บางองค์กรอาจส่งเสริมหรือเชิญชวนให้พนักงานบริจาค เพื่อช่วยเหลือสังคมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา

การสร้างรายได้ หรือด้านสุขภาพ เป็นต้น

 

     การใช้แรงงานอย่างมี "จริยธรรม" ตลาดแรงงานทั่วโลกเปลี่ยนไปอย่างมาก องค์กรต่างๆ เริ่มตระหนักว่าทั้ง

พนักงานปัจจุบันหรือคนที่มีแนวโน้มจะเป็นพนักงาน ในอนาคต ล้วนมองหาบริษัทที่ดูแลพนักงาน ทั้งในและนอกเวลา

งาน ดังนั้นเพื่อให้แน่ใจว่า องค์กรดึงดูดคนที่มีความสามารถมากพอ และมีจริยธรรมธุรกิจที่ดี องค์กรจึงควรหาโอกาส

เพื่อสร้างความมั่นใจในแบรนด์ให้มากขึ้น ด้วยการให้แรงจูงใจที่ดีและแข่งขันได้ สร้างสถานที่ทำงานที่สะดวกสบาย

และสร้างความผูกพันในหมู่พนักงานเสมอๆ ตัวอย่างเช่น Netflix เสนอให้พนักงานลา เพื่อไปเลี้ยงดูบุตรได้ถึง

52 สัปดาห์ หรือ 1 ปี โดยยังคงได้รับเงินเดือน โดยเป็นบุตรที่อยู่ในช่วงวัยใดก็ได้ หรือเป็นบุตรบุญธรรมก็ได้อีกด้วย

 

     การส่งเสริมการทำบุญเพื่อการกุศล หรือ Philanthropy องค์กรต่างๆ อาจมีพันธกิจในการสร้างการเปลี่ยน

แปลง ด้วยการตั้งทีมงานด้านความรับผิดต่อสังคมขึ้นมา เพื่อให้องค์กรสามารถช่วยเหลือกลับคืนสู่สังคม เช่น

บางบริษัทอาจจูงใจให้พนักงานร่วมทำการกุศล หรืออาจไปร่วมกับพันธมิตร ภายนอกองค์กรเพื่อสร้างการเปลี่ยน

แปลงทางด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

 

     การใส่ใจกับเรื่องสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันผู้บริโภคเริ่มมองหาหนทางที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อยๆ

รวมถึงหันมาสนับสนุนแบรนด์หรือธุรกิจที่ทำเช่นเดียวกัน อาทิ Johnson & Johnson ที่มุ่งใช้พลังงานทดแทน

โดยใช้ซัพพลายเออร์พลังงานทดแทนโดยตรง เป็นต้น

 

     การมุ่งลดโลกร้อน ซึ่งเป็นกระแสในปัจจุบันพอดี ธุรกิจต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงองค์กรอย่างต่อเนื่องเพื่อลด

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือลดภาวะโลกร้อน โดยมีหลากหลายวิธีที่สามารถทำได้ เช่น การเพิ่มการรีไซเคิล การลด

การใช้พลังงาน และนำการบริหารจัดการของเสีย เช่น การลดการใช้กระดาษ การนำของเสียกลับมาทำปุ๋ย การลด

การใช้พลาสติก และการออกนโยบายต่างๆ ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น นโยบายการเดินทางโดยรถสาธารณะ

คาร์พูล หรือการให้ผลประโยชน์แก่ผู้ใช้รถไฮบริด หรือการเข้าพักที่โรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

 

ทั้งหมดนี้คือแนวโน้มที่เราคงเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว และจะได้เห็นบริษัทต่างๆ ทำต่อไปในปีนี้อย่างแน่นอนค่ะ

 

cr:https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864973


  •    1,263